ผ่านสายตากันไปแล้ว สำหรับงานเปิดตัว “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยการเป็นสมาชิก พรรครวมไทยสร้างชาติ กลายเป็นนักการเมืองเต็มตัว ตั้งแต่วันที่ 9 มกราคมเป็นต้นไป และก็ถึงแม้ว่าการเปิดตัวในวันดังกล่าว ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ จะดูยิ่งใหญ่อลังการก็ตาม
แต่ก็มีหลายคนที่ปรามาสว่า ยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนนัก และก็มองว่า ทั้งนักการเมือง และก็มวลชนที่เข้าร่วม ยังไม่อาจการันตีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มากพอสำหรับการไปต่อ เนื่องจากในจำนวนนั้น มีไม่น้อยที่เป็น “รุ่นเก่า” อะไรประมาณนั้น ซึ่งคำปรามาสแบบในเชิงเหยียดหยามที่ว่านั้น ล้วนมาจากฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าเกิดพิจารณากันตามความจริงแล้ว การเปิดตัวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังกล่าวต้องยอมรับว่าสร้างกระแส ในทางการเมืองได้พอสมควร โดยเฉพาะกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ถือว่ามีความคึกคักอย่างเป็นรูปธรรม อย่างน้อยก็ได้สร้างความจดจำ ในฐานะพรรคการเมืองใหม่ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการที่ทุกสายตาจับจ้องไปที่ตัว “บิ๊กตู่” ที่เปิดตัวในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองเป็นครั้งแรก รวมถึงการพูดบนเวที ในฐานะนักการเมืองอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ในวันดังกล่าวยังมีนักการเมืองระดับ รัฐมนตรี ส.ส.จากหลายพรรคการเมืองไปร่วมให้กำลังใจ สังเกตการณ์ ไปร่วมงานหลายคน โดยหลายๆ คนที่ไปก็ยังไม่ได้ลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือลาออกจากพรรคเดิมที่สังกัดอยู่ เพราะยังรอจังหวะอยู่ แต่การเดินทางไปร่วมงาน มันก็มีแนวโน้มค่อนข้างจะชัดแล้วว่าพวกเขาได้ตัดสินใจมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติแล้ว
นอกจากนั้น เมื่อได้ยินคำพูดของบรรดา ส.ส.จากบางพรรคที่มาร่วมงานเปิดตัว บิ๊กตู่ ครั้งนี้
ถึงเหตุผลที่ยังไม่ลาออก โดยพวกเขาพูดว่าจะลาออกในปลายเดือนกุมภาพันธ์ หรือในช่วงปิดสมัยประชุมสมัยสุดท้าย ในวันที่ 28 ก.พ. ทำให้ทราบได้โดยทันทีว่า จะมีการ “ยุบสภา” ในต้นเดือนมีนาคม หรือภายในเดือนนั้นอย่างแน่นอน
ซึ่ง น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมงานประชุมใหญ่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) แล้วก็งานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกลาโหม สมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค โดย น.ส.รังสิมา บอกว่า ตนยังไม่ได้ลาออกจากส.ส. ยังคงทำหน้าที่จนถึงปิดสมัยประชุม แต่วันนี้เดินทางมาให้กำลังใจพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้น่าจะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังจากยุบสภา และก็คิดว่านายกรัฐมนตรีคงจะยุบสภา คงจะไม่อยู่ครบวาระ ด้วยเหตุว่าจะทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรย้ายพรรคไม่ทัน
โดย นางสาวรังสิมา กล่าวยอมรับว่า ยังไม่แจ้งให้ทางพรรคประชาธิปัตย์ทราบ แต่มั่นใจว่าทางพรรคคงจะรับทราบแล้ว ด้วยเหตุว่าผลโพลออกมาว่า ประชาชนต้องการให้ไปอยู่พรรคใด ก็จะต้องไปตามโพล ซึ่งก็ชัดเจนว่าต้องการให้มาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
น.ส.รังสิมา ยังกล่าวชี้แจงสาเหตุที่ต้องทำโพลว่า เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้รับปากกับประชาชนไว้ ซึ่งครั้งนี้ถ้าหากไม่ย้ายพรรค ประชาชนก็จะไม่เลือกตน และก็จากผลโพลครั้งนี้ประชาชนในพื้นที่ก็สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ โดยให้เหตุผลว่า นายกฯ ทำให้บ้านเมืองสงบ แล้วก็นายกฯ เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ รักสถาบันฯ จึงอยากให้ตนมาอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.)
ก่อนหน้านั้น นายสายัณห์ ยุติธรรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวมาว่า พวกตนแล้วก็ทีมภาคใต้จะเดินทางไปให้กำลังใจนายกฯ ด้วยเนื่องจากว่าส่วนตัวได้ประกาศแล้วว่าจะไปกับนายกฯ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม
ส่วนการสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ของพวกตนจะไปสมัครหลังจากปิดสภา ในวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของสภา จากนั้นพวกตนจะไปลาออกจากสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยในส่วนของภาคใต้ ไม่ต่ำกว่า 30 คน ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคอื่นด้วย ทั้งจากพรรคพปชร. และก็พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เช่น นางสาวรังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม และ น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช ก็จะลาออกจากพรรคสังกัดเดิม เพื่อสมัครเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค รทสช.เหมือนกัน
ถามว่า ในตอนนี้ยังเป็นสมาชิกพรรค พปชร.อยู่ จะไปร่วมการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคพปชร. ที่กำลังจะมีขึ้นหรือไม่ นายสายัณห์ บอกว่า ไม่ไปแล้ว ใจตนมาอยู่พรรคนี้แล้ว คงไม่ไปแล้ว และก็ตนก็ไม่รู้ว่าเขาจะประชุมเมื่อไหร่ รู้แต่กิจกรรมของพรรครทสช.
จากคำพูดดังกล่าวของ สองส.ส.ต่างพรรคคือ นางสาวรังสิมา รอดรัศมี จากพรรคประชาธิปัตย์ และก็นายสายัณห์ ยุติธรรม จากพรรคพลังประชารัฐ
ที่ไปปรากฏตัวในงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้รู้ว่า ยังมีส.ส.อีกล็อตหนึ่งที่จะย้ายมาร่วมพรรครวมไทยสร้างชาติ หลังจากปิดสมัยประชุมนัดสุดท้าย วันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ และจากคำพูดของนางสาวรังสิมา ทำให้รู้ว่าจะมีการ “ยุบสภา” หลังจากนั้น เหตุเพราะทำให้บรรดาส.ส.แล้วก็นักการเมืองที่จะย้ายเข้ามาสังกัดได้ทันข้อกำหนดสังกัดพรรคไม่น้อยกว่า 30 วัน นับจนถึงวันเลือกตั้ง
เมื่อประมวลทุกอย่างแล้ว ก็เลยมั่นใจว่าจะมีการยุบสภาในเดือนมีนาคม ส่วนจะเป็นตอนเวลาไหนนั้น ก็อีกหนึ่งเรื่อง ด้วยเหตุว่าถือว่าก่อนครบวาระสภา ในวันที่ 23 เดือนมีนาคม เพียงไม่กี่วัน ขณะเดียวกันในช่วงเวลาดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้ ที่กฎหมายสำคัญสองฉบับ คือ กฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง แล้วก็ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่เป็นกติกาการเลือกตั้งน่าจะมีผลบังคับใช้พอดี
ถ้าโฟกัสไปที่ความเคลื่อนไหวของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันเปิดตัวกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้มองเห็นส.ส.แล้วก็นักการเมืองจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน และแสดงตัวว่ามาร่วมสังกัดพรรคเดียวกัน แม้ว่าวันนั้นถ้าเกิดนับจำนวนส.ส.แล้วอาจยังมีไม่มาก แต่ว่าเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วก็ต้องจับตาหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ว่าจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลาออกมาสมทบเพิ่มอีกกี่คน เพราะนี่คือการพิสูจน์ให้เห็น “ของจริง” รวมไปถึงสามารถ“สร้างกระแส” ได้มากน้อยเพียงใด
ดังนั้น สำหรับ “บิ๊กตู่” นาทีนี้ถือว่าต้องลุยเต็มที่สำหรับเป้าหมายในโควต้าที่เหลืออยู่ ซึ่งต้องมีองค์ประกอบหลายอย่างประกอบกันทั้งกระสุน กระแส ตุนอยู่ในมือ แต่ว่าถ้าเกิดมีกระแสดี มันก็ทำให้เรื่องอื่นตามมาได้ไม่ยาก รวมทั้งที่สำคัญต้องรอดูว่าจะมี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไหลเข้ามาร่วมอีกล็อตในเดือนกุมภาพันธ์ อีกจำนวนเท่าไร เนื่องจากจะเป็นการสร้างพลังขับเคลื่อนได้เพิ่มเติมอีกระดับหนึ่ง แต่ถ้าเกิดเทมาทางนี้ไม่มาก มันก็ทำให้โอกาสไปต่อยากเข็ญไปอีกหลายเท่า !!